Batman v Superman (2016) แบทแมน ปะทะ ซูเปอร์แมน [HD]

3dc4f741d0d66959f23acdc2ecdd68ec

เรื่องย่อ Batman v Superman แบทแมน ปะทะ ซูเปอร์แมน

สำหรับเรื่องราวการปะทะกันของ แบทแมน กับ ซูเปอร์แมน ครั้งนี้ จะคาบเกี่ยวมาจากซูเปอร์แมนในภาค Man of Steel โดยอ้างอิงเหตการณ์ต่อสู้ระหว่างซูเปอร์แมนกับนายพลซ็อต ที่สร้าางความเสียหายจนเมืองเมโทรโพลิสพังพินาศ ซึ่งบังเอิญ บรูซ เวย์ หรือ แบทแมน ที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นได้เห็นถึงพลังอำนาจของซูเปอร์แมนที่เป็นได้ทั้งคุณ และโทษ จนเมื่อเวลาผ่านไป 2 ปี ซูเปอร์แมน ในนามของ คลาร์ก เคนท์ ได้ทำงานเป็นนักข่าว และต้องการสืบหาตัวตนของ แบทแมน ชายลึกลับที่ตั้งตนเป็นศาลเตี้ยกำจัดวายร้ายนอกกฎหมาย กระแสสังคมที่มีต่อซูเปอร์แมนผู้มีพลังเหนือมนุษย์ ได้แตกออกเป็น 2 ฝั่ง ผู้ที่นับถือเขาเปรียบดังพระเจ้าองค์ใหม่ และผู้คนที่หวาดระแวงในพลังของเขาที่มากเกินควบคุม ความบาดหมางระหว่างแบทแมนกับซูเปอร์แมนที่ค่อยๆ รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ภัยคุกคามเบื้องหลังพวกเขาก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้มวลมนุษยชาติต้องตกอยู่ในอันตรายแบบที่ไม่เคยมี มาก่อน… และนี่จึงเป็นโอกาสให้เราได้พบกับการรวมตัวของเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ฝั่ง DC หลายตัวในภาพยนตร์เรื่องนี้ ทั้ง วันเดอร์ วูแมน, อควาแมน, ไซบอร์ก และ เดอะ แฟลช แม้จะยังไม่รู้ว่าบทสรุปของการปะทะกันครั้งนี้จะจบลงอย่างไร แต่รับรองได้ว่าการปะทะกันครั้งนี้ จะแตกต่างออกไปจากที่ทุกคนเคยพบมาแน่นอน…

[jwplayer player=”2″ mediaid=”265″]

คสช.ไอเดียกระฉูด! ‘นักเรียนตีกัน’ จับขึ้นแบล็กลิสต์ เรียนจบเป็นทหารเกณฑ์ทันที

sd24

คสช. งัดมาตรการแก้ปม “นักเรียน-นักเลง” ตีกัน เล็งขึ้น “แบล็กลิสต์” เป็นทหารเกณฑ์

เมื่อ วันที่ 1 กรกฎาคม ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมว่า ที่ประชุมมีแนวคิดพิจารณาให้นักเรียนตีกัน ที่ส่วนใหญ่พบว่าจะมีอายุช่วงระหว่าง 18-20 ปี จะถูกคัดเลือกชื่อขึ้นบัญชีดำหรือแบล็กลิสต์เป็นทหารเกณฑ์ เมื่อศึกษาจบและอายุเข้าเกณฑ์ก็จะถูกคัดเลือกเป็นทหารเกณฑ์ทันที โดยไม่ต้องผ่านการตรวจเลือกทหาร โดยขณะนี้กำลังศึกษาข้อกฎหมายอยู่ว่าสามารถดำเนินการได้หรือไม่ และมีความเหมาะสมหรือไม่

ที่มา matichon.co.th/news/196562

ไม่ติดป้ายทะเบียน ท่อเสียงดัง ไฟสีอื่น โหลดเตี้ย จราจร ปรับหนักมาก “กฏหมายใหม่ 23 พรบ.”

car-tise

  1. ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน / วางไว้ที่กระจก = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.11,ม.60)
  2. แผ่นป้ายทะเบียนตัดต่ออัดกรอบใหม่เป็นป้ายขาว = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.14,ม.60)
  3. ติดป้ายเอียง มีวัสดุปิดทับ = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.14,ม.60)
  4. แผ่นป้ายทะเบียนปลอม = ป.อาญา ฟ้องศาล
  5. โหลดเตี้ย (วัดจากกึ่งกลางไฟหน้ากับระดับพื้นถนนต้องไม่ต่ำกว่า 40cm) = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.14,ม.60)
  6. ยกสูง (วัดจากกึ่งกลางไฟหน้ากับระดับพื้นถนนต้องไม่สูงกว่า 135cm) = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.14,ม.60)
  7. ล้อยางเกินออกมานอกบังโคนข้างละหลายนิ้ว = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.14,ม.60)
  8. ใส่ล้อใหญ่จนแบะล้อเพื่อหลบซุ้ม = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.14,ม.60)
  9. ตีโปร่งขยายซุ้มล้อติดสปอยเลอร์ต้องมีการยึดติดอย่างแน่นหนา = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.14,ม.60)
  10. ฝาประโปรง หน้า-หลัง ดำ เกิน50%ของสีหลัก = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.13,ม.60)
  11. เปลี่ยนท่อไอเสียใหญ่เสียงดัง = ปรับไม่เกิน 1,000 บาท (ม.5(2),ม.58)
  12. ไฟหน้าหลายสี เช่น เขียว แดง ฟ้า เหลือง = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.12,ม.60)
  13. ไฟหยุดต้องสีแดง(ไฟเบรค)เท่านั้น = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.12,ม.60)
  14. ไฟเลี้ยวต้องเป้นสีเหลืองอำพัน = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.12,ม.60)
  15. ไฟส่องป้ายต้องเป็นสีขาวเห็นไม่ต่ำกว่า 20 เมตร = ปรับไม่เกิน 2,000บาท (ม.12,ม.60)
  16. ไฟสปอร์ตไลน์ และโคมไฟตัดหมอกแสงพุ่งไกล = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท(ม.12,ม.60)
  17. เปิดไฟตัดหมอกโดยไม่มีเหตุ = ปรับไม่เกิน 500 บาท กฏกระทรวง ข้อนี้เจอบ่อย..สุดรำคาญมั่ยรุสอบใบขับขี่ได้งัย
  18. ติดไฟนีออนใต้ท้องรถ ติดไว้กับป้ายทะเบียน = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.12,ม.60)
  19. ดัดแปลงเป็นขับเคลื่อน 4 ล้อ = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.14,ม.60)
  20. เปลี่ยนดีสเบรคหลัง = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.14,ม.60)
  21. ใส่หลังคาซันลูป = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.14,ม.60)
  22. ถอดเบาะหลังออกแล้วติดโรลบาร์ = ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.14,ม.60)
  23. ดัดแปลงเครื่องยนต์ วัดควันดำ = ปรับไม่เกิน 1,000 บาท (พรบ.ขนส่ง)

ค่าธรรมเนียมการโอนเงิน “พร้อมเพย์” ไม่เกิน 5 พัน ฟรีทุกรายการ เกิน 1 แสน คิดไม่เกิน 10 บาท

atm-transfer

ธปท.ยันทุกแบงก์เตรียมเปิดตัวลงทะเบียน “พร้อมเพย์” บริการโอนเงิน- รับโอน โดยใช้เลขบัตร ปชช. และเบอร์มือถือ ดีเดย์ 15 ก.ค.นี้ ค่าธรรมเนียมการโอนไม่เกิน 5,000 บาท ฟรีทุกรายการ และเพิ่มแบบขั้นบันได โดยวงเงินที่มากกว่า 100,000 บาท จะคิดค่าธรรมเนียมไม่เกิน 10 บาทต่อรายการ

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมกับสมาคมธนาคารไทย และสถาบันการเงิน 21 แห่ง ร่วมเปิดให้บริการโอนเงิน และรับโอนเงินแบบใหม่ “พร้อมเพย์-PromptPay” หรือชื่อเดิม คือ “Any ID” เปิดให้ประชาชนใช้เลขบัตรประจำตัวประชาชน หรือเบอร์โทรศัพท์มือถือผูกกับบัญชีธนาคาร 1 เลขหมายต่อ 1 บัญชี โดยผูกบัญชีได้สูงสุด 4 เบอร์ ได้แก่ เลขบัตรประจำตัวประชาชน 1 และหมายเลขโทรศัพท์มือถืออีกไม่เกิน 3 เบอร์ ซึ่งทุกคนสามารถโอนเงินระหว่างกันได้ โดยไม่ต้องจำเลขบัญชีเงินฝากธนาคาร

ทั้งนี้ ธนาคารพาณิชย์จะเปิดให้ลูกค้าสามารถลงทะเบียนผ่าน 4 ช่องทาง ประกอบด้วย สาขาธนาคารพาณิชย์ ตู้เอทีเอ็ม อินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง และโมบายแบงกิ้ง โดยบางธนาคารที่มีความพร้อมเริ่มลงทะเบียน ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2559 นี้ และจะพร้อมกันทุกธนาคารวันที่ 15 กรกฎาคม 2559 เป็นต้นไป โดยไม่มีการกำหนดสิ้นสุดการรับลงทะเบียน

นางทองอุไร ลิ้มปิติ รองผู้ว่าการ ธปท. ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน เปิดเผยว่า ประชาชนจะได้รับประโยชน์จาก “พร้อมเพย์” อย่างเต็มที่ ด้วยการได้รับเงินโอนระหว่างกันสะดวกมากขึ้น ขณะที่ยังสามารถรับเงินจากรัฐได้โดยตรง ด้วยการผูกบัญชีธนาคารกับเลขบัตรประจำตัวประชาชน เช่น เงินสวัสดิการ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เงินคืนภาษีของกรมสรรพากร รวมทั้งยังมีความปลอดภัยกว่าการใช้เงินสด และค่าธรรมเนียมถูกกว่า ซึ่งจะเริ่มโอนเงินระหว่างประชาชนกับประชาชน

อย่างไรก็ตาม กรณีผู้ลงทะเบียนจะเปลี่ยนธนาคารที่ลงทะเบียนไว้สามารถยกเลิกกับธนาคารเดิม และไปลงทะเบียนกับธนาคารใหม่ หรือในกรณีที่ผู้ใช้บริการ “พร้อมเพย์” ต้องการเปลี่ยนแปลงหมายเลขบัญชี หรือหมายเลขโทรศัพท์ที่ลงทะเบียนไว้แล้วก็สามารถทำได้เช่นกัน

ด้าน นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย และกรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ทุกธนาคารยืนยันในระบบความปลอดภัยของบริการโอนเงิน “พร้อมเพย์” ทั้งข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า และระบบการชำระเงิน ขณะที่ค่าธรรมเนียมบริการ “พร้อมเพย์” จะถูกลง โดยการโอนเงินไม่เกิน 5,000 บาทต่อรายการ จะฟรีค่าธรรมเนียมทุกรายการ ส่วนวงเงินโอนเกิน 5,000-30,000 บาทต่อรายการ คิดค่าธรรมเนียมไม่เกิน 2 บาทต่อรายการ วงเงินมากกว่า 30,000-100,000 บาท คิดค่าธรรมเนียมไม่เกิน 5 บาทต่อรายการ และวงเงินมากกว่า 100,000 บาท คิดค่าธรรมเนียมไม่เกิน 10 บาทต่อรายการ จากเดิมค่าธรรมเนียมการโอนเงินประมาณ 25-50 บาท โดยการให้บริการ “พร้อมเพย์” จะเริ่มให้บริการรับโอนระหว่างประชาชนเดือนตุลาคม 2559 นี้ จากนั้นจะทยอยสู่บริการอื่นๆ เช่น การจ่ายบิลต่อไป ส่วนค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านช่องทางอื่นๆ จะยังคงอัตราเดิมต่อไป เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนมาใช้บริการ “พร้อมเพย์” ที่มีค่าธรรมเนียมถูกกว่า

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถใช้บริการ “พร้อมเพย์” ผ่านโมบายแบงกิ้ง และอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง ผ่านแอปพลิเคชัน ธนาคารบนมือถือได้ โดยผ่าน feature “พร้อมเพย์”

นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนะนำให้ประชาชนใช้เลขบัตรประจำตัวประชาชนผูกกับบัญชีธนาคารในการใช้บริการ “พร้อมเพย์” เพื่อรับเงินสวัสดิการรัฐบาล เงินผู้มีรายได้น้อย และเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เป็นต้น เพราะหากใช้เบอร์โทรศัพท์มือถือ ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงบ่อย และมีหลายเลขหมายอาจจะมีการตกหล่นในการรับเงินจากรัฐบาล

ส่วนความพร้อมของระบบไอที เพื่อรองรับการทำธุรกรรมผ่านอินเทอร์เน็ตแบงกิ้ง และโมบายแบงกิ้ง เพิ่มขึ้นนั้น ธนาคารมีความพร้อมเต็มที่ และจะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2559

ข่าวจาก manager online

ไพบูลย์ วอนสังคมทบทวน เหล้า-กาแฟ มีผลต่อจิตเช่นเดียวกับยาบ้า ทำไมยังค้าเสรี

เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2559 พล.อ. ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึง กรณีเปลี่ยนเมทแอมเฟตามีน เป็นยารักษาโรคว่า ก่อนหน้านี้ตนรายงานให้ พล. อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทราบแล้ว เพราะปัจจุบัน การปราบยาเสพติดโดยใช้วิธีการอย่างรุนแรงอาจจะไม่ได้ผล อีกทั้งมีผลวิจัยระบุว่า องค์ประกอบของยาเสพติดจากพืชกัญชาและฝิ่น สามารถนำมาเป็นยารักษาโรคได้

safe_imagesdfsdf

ทั้งนี้ การปราบปรามของทางรัฐที่ผ่านมาได้เน้นทำลายแหล่งผลิต และสกัดเส้นทางขนส่ง ซึ่งคนที่ถูกจับกุมเป็นเพียงผู้ค้ารายย่อยเท่านั้น และเมื่อผู้ต้องหาล้นเรือนจำ พ้นโทษออกมาก็กลับไปสร้างปัญหาต่อสังคมอีก ดังนั้น จึงต้องเปลี่ยนวิธีการหาวิธีอยู่กับยาเสพติดอย่างไร ซึ่งที่ตนเสนอมาเป็นเพียงแนวทางหนึ่ง ยังไม่ได้มีการศึกษาชัดเจน

นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กำลังพิจารณากำหนดโทษผู้ผลิต ผู้ค้า ผู้เสพยาเสพติดว่ารุนแรงไปหรือไม่ สุดท้าย ตนก็อยากให้สังคมช่วยพิจารณาว่า สุรา บุหรี่ และกาแฟ เป็นสารเสพติดหรือไม่ เหตุใดไม่มีการจับกุม และปล่อยให้มีการค้าอย่างเสรี แม้มันจะมีผลต่อจิตประสาทเช่นเดียวกับยาบ้า

ที่มา http://hilight.kapook.com/view/138320

ตะลึง! บุกค้นศูนย์เถินเทิดธรรมเครือ “ธรรมกาย” เจอไม้เถื่อนอื้อ-อ้างพายุพัดโค่น

559000006253801

ลำปาง – เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง พร้อมป่าไม้ ทหาร ตำรวจ บุกค้นศูนย์เยาวชนเถินเทิดธรรม เครือข่ายวัดพระธรรมกาย พบไม้หวงห้ามกองเป็นพะเนินเต็มอาคารที่ติดป้าย-รูป “ธัมมชโย” หรา ขณะที่พระผู้ดูแลอ้างมีพายุเข้าตอนเมษาฯ 59 พัดต้นไม้หักโค่นจนต้องแปรรูปไว้ใช้

นาย รังสรรค์ ขวัญเมืองเดิม นายอำเภอเถิน จ.ลำปาง, นายจเรศักดิ์ นันตะวงษ์ ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 (ลำปาง) และนายสุเทพ พุทชา ผอ.ส่วนป้องกันรักษาป่าฯ พร้อมเจ้าหน้าที่ทหารชุดการข่าวประจำอำเภอเถิน, เจ้าหน้าที่ป่าไม้ลำปาง, ตำรวจ ปทส. และตำรวจ สภ.เถิน ได้เข้าตรวจสอบภายในศูนย์เยาวชนเถินเทิดธรรม ริมถนนสายลำปาง-ตาก ขาเข้าลำปาง เขตบ้านแม่ปะ ต.แม่ปะ อ.เถิน จ.ลำปาง เมื่อบ่ายวานนี้ (16 มิ.ย.)

จากการตรวจสอบพบว่าศูนย์ฯ ดังกล่าวมีพื้นที่กว่า 50 ไร่ ภายในมีทั้งสถานที่ฝึกอบรม-ปฏิบัติธรรม และเป็นเครือข่ายวัดพระธรรมกาย มีบ้านพัก 2 หลัง และอาคารเพื่อปฏิบัติกิจกรรม 2 หลัง ด้านหน้าศูนย์ฯ มีตอไม้ที่ถูกตัดโค่นแล้วจำนวนมาก

และเมื่อตรวจภายในอย่างละเอียดก็พบว่าบริเวณอาคารหลังใหญ่ที่ยัง สร้างไม่เสร็จมีชื่อติดอยู่ด้านบนว่า “อาคารเทิดธรรม 72 ปี พระเทพญา มหามุนี วิ. ธัมมชโย” ภายในอาคารมีรูปของพระธัมมชโยติดบนผนังด้วยนั้น บริเวณใต้ถุนอาคารมีไม้หวงห้าม ทั้งไม้สักทอง และไม้กระยาเลย ฯลฯ แปรรูปกองเรียงรายอยู่จำนวนมาก นอกจากนี้ยังพบไม้เก็บไว้ในเพิงอีกหลังหนึ่ง รวมแล้วมากกว่า 1,000 แผ่น

เจ้าหน้าที่จึงได้สอบถามพระธวัช ประสานติโญ อายุ 42 ปี ซึ่งอยู่ดูแลวัดเพียงรูปเดียว บอกว่า ปกติมีพระอยู่ 5 รูป แต่ช่วงนี้พระสงฆ์อีก 4 รูปได้เดินทางไปวัดพระธรรมกาย เจ้าหน้าที่ได้ให้นำใบอนุญาต และครอบครองไม้ดังกล่าวมาแสดง แต่ทางพระธวัชไม่สามารถนำเอกสารมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้

พระธวัชให้ข้อมูลว่า ไม้ที่กองอยู่นั้นเป็นไม้ที่ถูกลมพัดโค่นลงมาภายในพื้นที่ศูนย์ฯ แห่งนี้ขณะเกิดวาตภัยขึ้นเมื่อช่วงเมษายน 2559 ที่ผ่านมา ทำให้ต้นไม้ใหญ่หักโค่นลงมาหลายต้น ทางวัดฯ จึงได้ช่วยตัด และแปรรูปเก็บไว้เพื่อไว้ใช้ภายในวัด

ด้านนายรังสรรค์ ขวัญเมืองเดิม นายอำเภอเถิน จ.ลำปาง จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจยึดไม้ทั้งหมด และนำไปเก็บไว้ที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ 22 (แม่ปะ) เพื่อจะทำการตรวจสอบที่มาของไม้ต่อไป เพราะการตัดไม้หวงห้ามแม้จะอยู่ในที่ดินที่มีโฉนดก็ต้องขออนุญาตด้วยเช่นกัน

ตะลึง! บุกค้นศูนย์เถินเทิดธรรมเครือ “ธรรมกาย” เจอไม้เถื่อนอื้อ-อ้างพายุพัดโค่น(ชมคลิป)
ตะลึง! บุกค้นศูนย์เถินเทิดธรรมเครือ “ธรรมกาย” เจอไม้เถื่อนอื้อ-อ้างพายุพัดโค่น(ชมคลิป)
ตะลึง! บุกค้นศูนย์เถินเทิดธรรมเครือ “ธรรมกาย” เจอไม้เถื่อนอื้อ-อ้างพายุพัดโค่น(ชมคลิป)
ตะลึง! บุกค้นศูนย์เถินเทิดธรรมเครือ “ธรรมกาย” เจอไม้เถื่อนอื้อ-อ้างพายุพัดโค่น(ชมคลิป)
ตะลึง! บุกค้นศูนย์เถินเทิดธรรมเครือ “ธรรมกาย” เจอไม้เถื่อนอื้อ-อ้างพายุพัดโค่น(ชมคลิป)
ตะลึง! บุกค้นศูนย์เถินเทิดธรรมเครือ “ธรรมกาย” เจอไม้เถื่อนอื้อ-อ้างพายุพัดโค่น(ชมคลิป)
ตะลึง! บุกค้นศูนย์เถินเทิดธรรมเครือ “ธรรมกาย” เจอไม้เถื่อนอื้อ-อ้างพายุพัดโค่น(ชมคลิป)

ข่าวโดย manager.co.th ผู้จัดการ Online

อุตุฯ เตือนใต้ 3 จว. ฝนตกหนัก กทม – ปริมณฑล โดนบ่ายถึงค่ำ

อุตุฯเผย ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ด้านตะวันตกของภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตก ส่วนภาคใต้ตกหนักบางพื้นที่ บริเวณจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต ขณะที่ กทม.และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองส่วนใหญ่เป็นช่วงบ่ายถึงค่ำ

payuu

วันที่ 15 มิ.ย. กรมอุตุนิยมวิทยารายงานลักษณะอากาศทั่วไป ประเทศไทยมีฝนบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ด้านตะวันตกของภาคกลาง และภาคตะวันออก ส่วนภาคใต้มีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต สำหรับกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีฝนฟ้าคะนองส่วนมากในระหว่างบ่ายถึงค่ำ คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ประชาชนในภาคใต้ฝั่งตะวันตกระวังอันตรายจากฝนตกหนัก และชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังในระยะนี้ไว้ด้วย

ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยามรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมอ่าวเบงกอล ทะเลอันดามันตอนบน และประเทศไทย ทำให้ยังคงมีฝนบริเวณภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง อุตรดิตถ์ พิษณุโลก กำแพงเพชร สุโขทัย และตาก อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคกลาง มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี และสุพรรณบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดจันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 25-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม/ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนหนักบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ตั้งแต่จังหวัดระนองขึ้นมา: ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม/ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดพังงาลงไป: ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม/ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากในช่วงระหว่างบ่ายถึงค่ำ อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ขึ้นภาษีรถเก่าเกิน 7 ปี ชงเปลี่ยนบ่อยๆ กระตุ้นตลาดรถยนต์

safe_image

จากการที่นายศิริรุจ จุลกะรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ออกมาเสนอความคิดเห็นว่า ส่วนตัวอยากเสนอให้รัฐบาลมีการปรับปรุงอัตราภาษีป้ายรถยนต์ที่มีอายุมากกว่า 7 ปีขึ้นไปเพิ่มขึ้น โดยคำนวณจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เป็นมลพิษทางอากาศ หากรถที่มีการปล่อยมลพิษมากก็ควรเสียภาษีมากกว่ารถที่ปล่อยมลพิษน้อย หากเกินกว่าค่ามาตรฐานกำหนดก็ควรปลดระวางรถเก่าออกจากตลาด

ทั้งนี้ เพื่อช่วยกระตุ้นความต้องการรถยนต์ใหม่ ส่งเสริมยอดผลิตและยอดขายรถยนต์ในประเทศให้ขยายตัว เนื่องจากมองว่าแนวโน้มอุตสาหกรรมรถยนต์ปรับตัวดีขึ้น จากล่าสุดที่เริ่มเห็นสัญญาณตลาดรถยนต์ในประเทศฟื้นตัว โดยภาพรวมเดือนเม.ย.ยอดผลิตอยู่ที่ 138,237 คัน ขยายตัว 11.51% โดยเฉพาะรถยนต์ประหยัดพลังงานและรถรุ่นใหม่ที่ถูกเรียกเก็บอัตราภาษีใหม่ตาม การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แล้ว ซึ่งมีส่วนหนึ่งช่วยลดมลภาวะ รักษาสิ่งแวดล้อม

ด้าน อ.พิชญ์มองว่า หากต้องการใช้เหตุผลทางวิทยาศาสตร์เช่นนี้ ควรทำอย่างจริงจัง เนื่องจากรถบางคันมีอายุการใช้งานมาก แต่อาจไม่ค่อยได้นำออกมาใช้งาน หากจะวัดค่ามลพิษทางอากาศต้องทำอย่างเป็นระบบโดยการติดตั้งเครื่องวัดมลพิษ ทางอากาศที่รถยนต์ ก่อนที่จะนำมาจ่ายภาษีเพื่อให้เกิดความยุติธรรมกับทุกฝ่าย

ส่วนคุณสุรนันทน์ มีความเห็นด้วยกับนโยบายดังกล่าว แต่คิดว่าควรจะใช้วิธีที่ดีที่สุด และควรแยกเรื่องการเก็บภาษีรถที่ปล่อยมลพิษ และเรื่องการกระตุ้นยอดขายรถยนต์ออกเป็นคนละเรื่องกัน และมองว่าควรนำภาษีที่ได้จากนโยบายดังกล่าวไปพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์ต่อไป โดยนำไปลงทุนกับรถยนต์ไฮบริดจ์ รถยนต์พลังงานทางเลือก และรถยนต์ที่ไม่ใช้น้ำมัน เนื่องจากเมื่อลงทุนเรื่องพวกนี้ภาษีต่างๆ ก็อาจจะลดลงไปด้วย

ติดตามรายการ “The Hel(l)met Show หมวกกันน็อค” ได้ทางมติชนออนไลน์ หรือ ทางช่องทาง Youtube ในช่อง MatichonTV วันจันทร์ – พุธ – ศุกร์ 18.00น.

ดำเนินรายการโดย “ไบค์เกอร์หนุ่มใหญ่” ที่สลัดคราบอาจารย์นักวิชาการ “พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์”

“เจ้าของร้านกาแฟนักปั่นย่านสุขุมวิท” จากอดีตนักการเมืองที่ช่วงนี้ต้องพักงาน “สุรนันทน์ เวชชาชีวะ”

Don’t be insane protect your brain !!!
รักสมอง…ลอง “หมวกกันน็อค” !?

ข่าวโดย matichon online